วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีติดตั้งผ้าม่านด้วยตัวเอง




จะใช้ไม้ที่ตากผ้าก็ได้ ถ้าจะเอาสวยหน่อยก์ซื้อรางม่าน จากนั้นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีคือสกรู และขารางม่าน
1) วัดความยาวหน้าต่าง เพื่อกำหนดความยาวรางม่าน และก์ผ้าม่านที่ต้องใช้


2) หลังจากซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ครบตามขนาดความกว้างและจำนวนหน้าต่างได้แล้วก็เริ่มงานได้เลย สำรวจดูผนังว่ารับน้ำหนักไหวแค่ไหน ถ้ากลัวไม่ไหวก์ต้องใช้พุก แล้วใช้สกรูเจาะเพื่อใส่ตัวขารับรางม่าน เจาะสองข้างเสร็จ ขันสกูรใส่พุกใส่น้อต เอาผ้าม่านใส่ขารางแล้วใส่เข้าตัววางขาราง เสร็จ
หลังจากนี้ คุณควรที่จะดูแลความสะอาดผ้าม่านด้วย โดยการการซักผ้าม่านควรทำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง จะสามารถยืดอายุของผ้าม่านได้ ส่วนผ้าม่านที่โดนแสงแดดเป็นประจำแนะนำว่าควรซักอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง นั้นเพราะผ้าม่านที่โดนแดดแรงเป็นประจำเนื้อผ้าจะกรอบและขาดง่ายกว่าผ้าม่านที่ไม่ค่อยโดนแดด


วิธีการซักผ้าม่านด้วยตัวเองง่ายๆ เริ่มจาก
1. ถอดผ้าม่านจากรางม่าน (ม่านบางชนิด อาจมีวิธีการถอดควรปรึกษาช่าง) ควรจำด้วยว่าชิ้นไหนเป็นของด้านไหน สิ่งสำคัญควรถอดแค่พอซักไหว เพราะผ้าม่านนั้นค่อนข้างชิ้นใหญ่มีน้ำหนัก ถ้าซักครั้งละหลายชุดอาจจะหนักเกินไป เนื่องจากต้องใช้เวลาและแรงกายพอสมควร ผ้าม่านที่ปลดออกมา นำมาถอดตะขอ โซ่ถ่วงหรืออุปกรณ์ที่ติดมากับตัวผ้าม่าน โซ่ถ่วงที่ใช้ถ่วงม่านนั้นปลายสองข้างจะเย็บติดกับผ้าม่าน ให้เราใช้ใบคัตเตอร์หรือกรรไกรเล็กๆค่อยๆตัดเส้นด้ายตรงส่วนปลายล่างสุด ทั้งซ้าย-ขวาโดยค่อยๆเลาะออกระวังอย่าให้โดนผ้า ให้ตัดเส้นด้ายระยะประมาณ 1 ซม.ผ้าที่คล้องหัวโซ่จะหลุดออก และทำอย่างเดียวกันกับอีกด้าน ควรทำเครื่องหมายไว้ว่าโซ่ชิ้นนี้เป็นของผ้าม่านชิ้นนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาตอนนำกลับมาใส่ภายหลัง


2. ผ้าม่านที่ถอดอุปกรณ์ออกหมดแล้ว นำไปซักน้ำเปล่าในภาชนะที่เตรียมไว้อย่างน้อย 2 น้ำ เพื่อให้ฝุ่นที่ยังไม่ฝังแน่นออกไปก่อน น้ำแรกจะเห็นว่าน้ำนั้นดำมาก และต่อมาทำตามขั้นตอนเดียวกันด้วยน้ำที่สอง ความดำของน้ำที่เกิดจากฝุ่นก็จะลดลง กรณีผ้าม่านดำมากหรือสกปรกมากต้องแช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น โดยใส่ผงซักฟอกทั่วไป ไม่ควรใช้สารฟอกขาวเพราะจะทำให้ผ้าเปื่อย พอได้เวลาแล้วล้างผงซักฟอกออกให้หมด


3. นำเข้าเครื่องซักผ้า ควรตั้งโปรแกรมซักผ้าหนา และตั้งให้เครื่องล้างน้ำ 2 ครั้ง (ไม่ควรซักน้ำร้อน เพราะอาจทำผ้าม่านบางชนิดเสียหายได้) ถ้าผ้าม่านชิ้นใหญ่ให้ใส่ผ้าขนหนู 2-3 ผืนที่ไม่ใช้แล้ว (ผ้าขนหนูจะช่วยดูดสิ่งสกปรกจากผ้าม่าน ปรับความสมดุลของเครื่องซักผ้าและยังช่วยรักษาผ้าม่านไม่ให้เกิดความเสียหาย สามารถนำกลับมาใช้ได้ตลอด) ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องของเครื่องซักผ้า ขณะเครื่องเริ่มทำงานให้ใส่น้ำส้มสายชูประมาณครึ่งถ้วยต่อผ้าม่านประมาณ 7-9 กก. ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสกปรกของผ้าม่าน ในกรณีผ้าม่านเป็นคราบเชื้อรา หรือรอยคราบน้ำจากละอองฝน ให้ใส่เกลือลงไปด้วยประมาณครึ่งถ้วย จะช่วยขจัดคราบเพิ่มขึ้น สำหรับคราบที่ฝังแน่นที่สะสมเป็นเวลานาน อาจต้องใช้สเปรย์หรือน้ำยาจัดคราบช่วยอีกทางหนึ่ง


4. หลังจากเครื่องปั่นหมาดแล้วให้รีบนำออกจากเครื่องทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ นำมาใส่ตะขอม่านแต่ยังไม่ต้องใส่โซ่ถ่วง รีบนำไปแขวนที่รางม่านเดิมที่ถอดมา จัดจีบม่านให้เข้าที่ตามเดิมเหมือนก่อนถอดออก อย่าลืมทำความสะอาดรางและบริเวณที่แขวนผ้าม่านด้วยระหว่างรอเวลาเครื่องซักผ้าทำงาน การแขวนม่านทันทีหลังซักเสร็จจะทำให้ผ้าม่านไม่ยับ ผ้าบางชนิดไม่จำเป็นต้องรีดเลยก็เป็นได้ รูดปิดม่านให้ทุกส่วนสัมผัสอากาศ เปิดประดูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่นานผ้าม่านก็จะแห้ง และกลับมาใหม่เหมือนเดิม


5. หลังจากผ้าแห้งแล้ว กรณีผ้าบางตัวอาจมีรอยยับ ให้ใช้เตารีดไอน้ำลักษณะตั้งพื้นและมีท่อพร้อมด้ามจับ รีดเก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง นำโซ่ถ่วงมาใส่เข้าที่จุดเดิม และใช้เข็มสอยปิดหัวปิดท้าย ความจริงผ้าม่านไม่จำเป็นต้องใส่โซ่ถ่วงก็ได้ ถ้าผ้านั้นมีน้ำหนักพอ ให้สังเกตดูว่าในขณะไม่ใส่โซ่ผ้าม่านเป็นอย่างไร ถ้าใส่จะดีกว่าเดิมหรือไม่ โซ่ไม่มีผลต่อผ้าม่านมากนัก ลองเปรียบเทียบดูก่อน แค่นี้ก็เป็นการเสร็จสิ้นการซักผ้าม่านเรียบร้อย

ข้อมูลจาก http://www.tamlaydee.com/forum/index.php?topic=1463.0












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น